ประกาศ เรื่อง การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
บริษัท เทคคอนส์บิส จำกัด (“บริษัท”) มุ่งมั่น ใส่ใจ และให้ความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจึงจัดให้มีประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เพื่อท่านจะได้รับทราบถึงนโยบายของบริษัทเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (“พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) กฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
โปรดสละเวลาอ่านประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้อย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญยิ่งคือท่านจะต้องเข้าใจวิธีการที่บริษัทใช้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและวิธีการที่เราใช้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยครบถ้วน ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จะแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทจะดำเนินการรวบรวม เก็บ ใช้ เปิดเผย และถ่ายโอนข้อมูลของท่านเท่าที่จำเป็นและจะอธิบายถึงวัตถุประสงค์วิธีการที่บริษัทเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ประเภทข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลสิทธิของท่าน วิธีการที่บริษัทใช้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมไปถึงวิธีการที่ท่านสามารถติดต่อบริษัท
ประเภทของบุคคลที่บริษัททำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
-ผู้มาติดต่อ
-ผู้สมัครงาน
-นักศึกษาฝึกงาน
-พนักงานและบุคลากรของบริษัท
-กรรมการ ผู้ถือหุ้นของบริษัท และตัวแทนโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลดังกล่าว
-ลูกค้า
-คู่ค้า ผู้รับจ้าง ผู้รับเหมา ผู้ให้บริการ
-ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า คู่ค้า ผู้รับจ้าง ผู้รับเหมา ผู้ให้บริการที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งหมายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของบุคคลดังกล่าว เช่น ผู้บริหาร กรรมการ หรือบุคคลธรรมดาอื่นที่มีอานาจกระทำการแทน ผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมาย พนักงาน ตัวแทน ของบุคคลดังกล่าว
-และบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับบริษัท
1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคล โดยขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับท่าน ตามหมวดหมู่ดังต่อไปนี้
ข้อมูลส่วนบุคคลระบุตัวตนและข้อมูลสำหรับการติดต่อ ที่บริษัทใช้เพื่อระบุตัวตน ตรวจสอบหรือยืนยันอัตลักษณ์ที่แท้จริงของท่าน และ/ หรือติดต่อท่านเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของสถานที่ปฏิบัติงาน ภาระผูกพันตามกฎหมาย และตามกฎระเบียบ เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ – นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร ภาพถ่ายบัตรประชาชน เลขประจำตัวประชาชน ลายมือชื่อหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่ ทะเบียนรถ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร อายุ วันเกิด สัญชาติ เพศ ศาสนา สถานภาพการสมรส รูปถ่าย สถานที่เกิด ประเทศที่พำนัก ตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ปัจจุบัน ลายมือชื่อ หมู่เลือด ข้อมูลชีวะมิติและสมาชิกครอบครัว หรือรายละเอียดสาหรับติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน เพื่อรักษาความสัมพันธ์ตามสัญญาและตามกฎหมายที่มีกับพนักงานของบริษัทได้โดยครบถ้วน ซึ่งหมายถึงแต่มิได้จำกัดเฉพาะ (ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ ตำแหน่ง หน้าที่ แผนก ฯลฯ) ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้างาน (ระยะเวลาโครงการ เวลาทำงาน การขาดงานเนื่องจากความเจ็บป่วย ฯลฯ) ข้อมูลเกี่ยวกับการจ่ายเงินเดือนและโบนัส (หมายเลขประกันสังคม เลขบัญชีธนาคาร ฯลฯ) รายละเอียดของงาน ข้อมูลการฝึกอบรม สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง ข้อกำหนดและเงื่อนไขในการจ้างงาน (เช่น เงินเดือน เวลาทำงาน การจ่ายค่าล่วงเวลา การลาหยุดประจำปี) หมายเลขประจำตัวพนักงาน ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน บันทึกประวัติการฝึกอบรม ผลการตรวจสอบประวัติ
ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติ เพื่อประเมินผู้สมัครงานหรือคุณสมบัติที่เหมาะสมของผู้จะเป็นพนักงานตามบทบาทหน้าที่หรือตำแหน่ง และมีความจำเป็นต่อกระบวนการสรรหาว่าจ้าง เช่น ประวัติด้านการศึกษา ใบรับรองการศึกษา ทักษะทางภาษา รายละเอียดการฝึกอบรม ใบอนุญาตทางวิชาชีพ ประสบการณ์ทำงาน และการจ้างงานที่ผ่านมา รายละเอียดของบุคคลอ้างอิง รายงานการตรวจสุขภาพทางการแพทย์และข้อมูลการตรวจสอบประวัติ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับธุรกิจและการเงิน เพื่อช่วยในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงข้อมูลสำหรับการติดต่อท่าน เช่น ชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ของธุรกิจ เว็บไซต์ ที่อยู่ติดต่อทางไปรษณีย์ ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ของธุรกิจ ฯลฯ หมายเลขโทรสาร ชื่อตัวแทนหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนของท่าน ข้อมูลด้านการบัญชี หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร รายละเอียดการจ่ายภาษีและการปฏิบัติตามข้อกำหนด รายละเอียดของบัญชีธนาคาร ข้อมูลบัตรเครดิต/ เดบิต และประวัติธุรกรรมทางการเงินและการประเมินเครดิต
ข้อมูลเกี่ยวกับการวิจัยตลาดและข้อมูลการตลาด การสำรวจความเห็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ การสำรวจความเห็นของลูกค้า ข้อมูลและความเห็นที่แสดงออกเมื่อเข้าร่วมวิจัยการตลาด เช่น คำตอบในแบบสอบถาม เป็นต้น
ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น ภาพถ่าย ลักษณะรูปพรรณสัณฐานของบุคคล ภายถ่ายหรือภาพการเคลื่อนไหวที่บันทึกทางกล้องวงจรปิด
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัย รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของท่าน (ซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง IP Address รหัสประจำเครื่องของอุปกรณ์ ตำแหน่งที่ตั้ง ฯลฯ) ข้อมูลที่มีอยู่ใน Log Files หรือรายงานด้านความปลอดภัย (โดยเฉพาะ IP Address ชื่อ ตำแหน่งที่ตั้ง และเวลาที่เข้าถึง) การเข้าถึงบัญชีออนไลน์ การเข้าใช้งานระบบและหลักฐานอ้างอิงที่คล้ายคลึงกัน และข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบที่เข้าถึงดังกล่าว
การบันทึกวิดีโอ และ/ หรือเสียง และ/ หรือภาพนิ่ง ในระหว่างโปรแกรมการฝึกอบรม การสัมมนาออนไลน์ผ่านเว็บ การจัดงานของบริษัท ซึ่งบริษัทอาจใช้ในวัสดุทางการตลาดของบริษัท การเผยแพร่ทางอินทราเน็ต จดหมายข่าว หรือแพลตฟอร์มภายนอกอื่น ๆ โดยมีหรือไม่มีการตัดต่อ ทำซ้ำ เผยแพร่ หรือแจกจ่าย
2. วิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลของท่าน
2.1 บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
2.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง เช่น เมื่อท่านเข้าทำสัญญา หรือเมื่อท่านส่งมอบเอกสารและสำเนาเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏอยู่
2.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับท่าน เช่น ครอบครัวของท่าน เพื่อน เพื่อนร่วมงาน ผู้แนะนำ
2.1.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัติโนมัติ เช่น การใช้คุกกี้ (cookies)
2.1.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ สื่อสังคมออนไลน์
2.2 ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ รวมไปถึงวัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้ง
2.3 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ก่อนวันที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองส่วน บุคคลมีผลใช้บังคับ บริษัทจะเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างต่อเนื่องต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมที่บริษัทได้แจ้งไว้แก่ท่านในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งท่านมีสิทธิปรับปรุง แก้ไข หรือยกเลิกความยินยอมโดยติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในข้อ 8.
3. วิธีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย เช่น
3.1 เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและการประกอบกิจการประจำวันของบริษัท
3.2 เพื่อปฏิบัติภาระผูกพันตามสัญญาของบริษัทให้ครบถ้วนภายในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตไว้
3.3 เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ใช้บังคับเพื่อจัดการ และ/ หรือปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้า ผู้ให้บริการ พนักงาน และข้อมูลอื่นในทุกกรณีที่ระบุข้างต้น บริษัทจะไม่ตัดสินใจใด ๆ แบบอัตโนมัติซึ่งอาจมีผลทางกฎหมายต่อท่าน หรือมีผลกระทบสำคัญต่อท่านในลักษะคล้ายคลึงกัน โดยยึดถือจากการประมวลผลอัตโนมัติแต่เพียงประการเดียว
4. ระยะเวลาเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด (เช่น กฎหมายการบัญชี กฎหมายภาษีอากร กฎหมายแรงงาน และกฎหมายอื่น ที่บริษัทต้องปฏิบัติตาม) หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นต่อการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ที่เก็บรวบรวมข้อมูลนั้นไว้ โดยจะขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ในการได้รับข้อมูลนั้นตามกฎหมาย และ/ หรือขึ้นอยู่กับว่ามีข้อบังคับอันเป็นภาระผูกพันตามกฎหมาย/ กฎระเบียบให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมหรือไม่ ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไป สูงสุด 10 ปี) อย่างไรก็ตามบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะตราบเท่าที่
4.1 ข้อมูลมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้อง
4.2 ข้อมูลมีความจำเป็นต่อการดำรงความสัมพันธ์ในการจ้างงานระหว่างบริษัทกับท่าน
4.3 ท่านให้ความยินยอมในการเก็บรักษาข้อมูลนั้น และ/ หรือ
4.4 มีข้อกำหนดให้เก็บรักษาตามบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น กฎระเบียบด้านภาษี และกฎระเบียบบริษัท บริษัทจะจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาหรือที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
5. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทแบ่งปัน
บริษัทอาจแบ่งปัน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือองค์กรดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
ก) บุคคลอื่นใดที่บริษัทมีนิติสัมพันธ์ด้วยรวมถึงกรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของบริษัท และ/ หรือของบุคคลดังกล่าว
ข) หน่วยงานของรัฐ และ/ หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กากับดูแลบริษัท เช่น กรมสรรพากร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กรมโรงงาน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นต้น
ค) ธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ
ง) ตัวแทนทวงถามหนี้ ทนายความ บริษัทข้อมูลเครดิต หน่วยงานป้องกันการทุจริต ศาล หน่วยงาน หรือบุคคลใด ๆ ที่บริษัทถูกกำหนดหรือได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย กฎระเบียบ หรือคำสั่ง
จ) บุคคลภายนอกที่ให้บริการต่าง ๆ แก่บริษัท เช่น ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT service provider ) ตัวแทน หรือผู้รับเหมาช่วงที่กระทำการแทนบริษัท ผู้ให้บริการการพิมพ์
ฉ) ผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจช่วง ตัวแทน หรือผู้แทนโดยชอบธรรมของท่านที่มีอำนาจตามกฎหมาย โดยชอบ
นอกจากนี้ ผู้รับข้อมูลบางส่วนอาจเป็นผู้รับในประเทศที่อยู่นอกอาณาเขตอันเป็นถิ่นที่ตั้งของบริษัท หากบริษัทจำเป็นจะต้องถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลออกนอกประเทศ บริษัทจะใช้ขั้นตอนในการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองและป้องกันอย่างปลอดภัยในมาตรฐานการคุ้มครองที่เทียบเคียงกับการคุ้มครองภายใต้กฎระเบียบในท้องถิ่นของผู้รับในต่างประเทศ หากท่านประสงค์ที่จะรับทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการคุ้มครองดังกล่าว ท่านสามารถร้องขอข้อมูลได้ตามรายละเอียดสำหรับติดต่อ ดังที่ระบุไว้ด้านล่าง และในบางกรณี บริษัทอาจร้องขอความยินยอมจากท่านในการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างประเทศ ภายใต้ข้อกำหนดของกฎระเบียบที่ใช้บังคับในท้องถิ่น
6. วิธีการที่บริษัทใช้เก็บรักษา และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีมาตรการสำหรับใช้ในการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการเข้าถึง ใช้งาน หรือเปิดเผยโดยมิได้รับอนุญาตรวมถึงแต่มิได้จำกัดเฉพาะ มาตรการดังต่อไปนี้
6.1 บริษัทใช้และดำรงรักษาไว้ซึ่งมาตรการทางเทคนิคที่ซับซ้อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการบันทึกและประมวลผลอย่างเป็นความลับและปลอดภัยโดยครบถ้วนสมบูรณ์
6.2 บริษัทใช้และดำรงรักษาไว้ซึ่งข้อจากัดในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และติดตามตรวจสอบการเข้าถึง การใช้งาน และถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม
6.3 บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ ทั้งในรูปของเอกสารและรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในเซิร์ฟเวอร์ ฐานข้อมูล และในบางสภาพการณ์ บริษัทอาจใช้ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูล
ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในทุกกรณีเช่นว่านี้บริษัทจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้การควบคุมดูแลของบริษัทจะได้รับการคุ้มครองจากการทำลาย การแก้ไข และการเปิดเผยโดยไม่ตั้งใจหรือโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการประมวลผลอื่นใดที่มิชอบด้วยกฎหมาย
6.4 พนักงานทุกคนของบริษัทที่เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อยู่ภายใต้กำหนดให้ต้องทำข้อตกลงห้ามเปิดเผยข้อมูลหรือข้อตกลงที่คล้ายกัน ซึ่งกำหนดภาระผูกพันให้พวกเขาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
6.5 บริษัทกำหนดให้คู่ค้าทางธุรกิจ ผู้รับจ้าง ผู้รับเหมา และผู้ให้บริการภายนอกทุกรายของบริษัทซึ่งบริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในการรักษาความลับและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใดๆที่ใช้บังคับ
6.6 บริษัทจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงานของบริษัทและบุคคลที่สาม ซึ่งจะต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอ
7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล
7.1 สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
7.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องในกรณีที่ข้อมูลของท่านไม่ถูกต้อง หรือไม่สมบูรณ์
7.3 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุ ตัวบุคคลได้
7.4 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
7.5 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
7.6 สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังตัวท่านเอง หรือบุคคลภายนอก เว้นแต่บริษัทไม่สามารถทำได้โดยสภาพตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
7.7 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทเมื่อใดก็ได้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่บริษัทกำหนด โดยไม่ส่งผลกระทบถึงการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อนที่จะมีการเพิกถอนความยินยอมดังกล่าว
7.8 สิทธิในการร้องเรียน ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทกระทำการอันเป็นการไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ท่านสามารถใช้สิทธิของท่านได้ด้วยการติดต่อบริษัทตามข้อมูลสำหรับติดต่อดังที่ระบุไว้ในข้อ 8. ของประกาศฉบับนี้
8. วิธีการติดต่อบริษัท
หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท และการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทตามช่องทางดังต่อไปนี้
ที่อยู่ บริษัท เทคคอนส์บิส จำกัด
เลขที่ 163 อาคาร ไทยสมุทร ห้องเลขที่ 17GH ชั้นที่ 17 ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500 โทรศัพท์ Tel: 02-634-4409 E- mail [email protected]
9. การเปลี่ยนแปลงประกาศเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศฉบับนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดโดยบริษัทจะแจ้งประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับปัจจุบันไว้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.wolftcb.com
ดาวน์โหลดเอกสาร. ประกาศ เรื่อง การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)