3 Steps ล้มแล้วรีบลุก เอาตัวรอดให้ธุรกิจ
โลกทุกวันนี้ เหมือนมีอะไร Challenge เราไม่เว้นวัน เป็นยุคที่พร้อมจะมี Crisis เกิดขึ้นตลอดเวลา อย่างที่เห็นกันชัดๆ ตอนนี้ก็ Covid-19 ที่ทำให้เกิด Crisis อีกหลายมิติตามมา
องค์กรธุรกิจก็รับได้บาดแผลกันแบบถ้วนหน้า จากพิษเศรษฐกิจเอง ที่ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป แต่เชื่อว่า ในทุกๆ Crisis มักจะมอบบทเรียนและการเติบโตก้าวใหญ่ ให้กับผู้ที่เปิดใจและปรับตัวได้เสมอ
หลังจากนี้ คงจะมีอุปสรรคมากมายอีกหลายด่านรอเราอยู่เป็นแน่ วันนี้เราจะมาแชร์กันถึง 3 Steps ที่องค์กรควรปรับใช้เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและแข็งแกร่งกว่าเดิม ในยุคที่สถานการณ์โลกแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้แบบนี้
– 1st Step : เงยหน้ายอมรับความจริง
.
Bad Experience คงไม่ใช่สิ่งที่ใครปรารถนาแน่ๆ แต่หากเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่แบบนั้น สิ่งที่องค์กรควรทำให้ได้เป็นสิ่งแรกก็คือ “เงยหน้ายอมรับความเป็นจริง” ไม่ใช่ “ก้มหน้ายอมรับความเป็นจริง”เพราะมันจะเป็นทัศนคติแห่งจุดเริ่มต้นที่ดีว่าเราพร้อมจะสู้ต่อใน Step ถัดไป ไม่ยอมจำนนต่อ Bad Experience นี้ทริคอีกหนึ่งอย่าง คือการที่เราควรมองความจริงที่เรากำลังเผชิญอยู่ ว่ามันยังสามารถเป็น “Worst Case Scenario” ได้อีกเสมอ นั่นก็คือคิดเสมอว่าหากเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เราจะเอาตัวรอดได้อย่างไร สิ่งนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันให้เราพร้อมลุกขึ้นมาสู้ได้ไวกว่าใคร ในขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังล้มอยู่เหมือนกัน
– 2nd Step : ทบทวนจุดอ่อน เลิกซ่อนปัญหา
.
ในสถานการณ์วิกฤต นอกจากเราจะยอมรับความจริงให้ได้แล้ว สิ่งที่เราต้องทำใน Step ถัดมา คือทบทวนองค์กรตัวเอง ว่ามีจุดอ่อน จุดด้อยอะไรบ้าง หรือสิ่งที่องค์กรเรายังขาดไป
เพราะปัญหาหลายๆ อย่าง เรามองข้ามมาตลอด และอีกหลายจุดด้อยที่เราไม่เคยมองเห็นในสถานการณ์ปกติควรใช้เวลานี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้เรารู้จักองค์กรของตัวเองมากขึ้น เป็นโอกาสให้ได้หันกลับมามองในสิ่งที่ปกติเราไม่เคยมองเห็น แล้วนำสิ่งเหล่านั้นมาอุดรอยรั่วทุกด้านเท่าที่จะทำได้ เพื่อพร้อมก้าวใน Step ถัดไปด้วยความแข็งแกร่ง
– 3rd Step : ปรับตัวไปกับสถานการณ์
.
Step นี้ คือการต่อสู้อย่างแท้จริง ต่อสู้อย่างเต็มที่กับอนาคตที่เราไม่ล่วงรู้ องค์กรจะต้องพร้อมต่อสู้ด้วยทุกอาวุธ ทุกจุดแข็ง ทุกกลยุทธ์ที่มี พร้อมด้วยทักษะสำคัญคือการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ให้เข้ากับสถานการณ์ที่พร้อมจะเข้ามาท้าทายเราอยู่เสมอ หรือเรียกว่า “สู้แบบ Improvise” สถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ แต่เราอาจจะต้องประเมินให้ดีที่สุด และลื่นไหลไปกับสถานการณ์ตรงหน้าในขณะที่หลายๆ คนกำลังล้มอยู่ หากเราเป็นที่ลุกได้เร็วกว่า นั่นก็แปลว่าเรามีโอกาสรอดมากกว่า และมีโอกาสกลับมาประสบความสำเร็จได้มากกว่าอย่างแน่นอน